ไมโครซอฟท์สะดุดขาตัวเอง พลาดโอกาสสร้างกำไรประจำไตรมาสสองของบริษัทไปอย่างน่าเสียดาย กับการเปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์วิสต้าที่ล่าช้า ทำให้ได้กำไรมาไม่มากพอที่จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่านักลงทุนได้ อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของบริษัทยังคงมองโลกสดใส และเชื่อว่าเป็นผลประกอบการที่ดี
ตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปีที่บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์เปิดเผยออกมาเมื่อปลายสัปดาห์ บริษัทสามารถจ่ายปันผลได้ในราคาหุ้นละ 26 เซ็นต์ ขณะที่ยอดกำไรลดลงเหลือ 2.63 พันล้านเหรียญสหรัฐ น้อยลงจากปีก่อนหน้าที่เคยทำได้สูงถึง 3.65 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นปันผล 34 เซ็นต์ต่อหุ้น
แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์หลายสำนักออกมาฟันธงเอาไว้ก่อนหน้า โดยทางบริษัท ทอมสัน ไฟแนนเชียล ได้เคยคาดการณ์ไว้ว่า ไมโครซอฟท์จะสามารถจ่ายปันผลในไตรมาสนี้ได้แค่เพียง 23 เซ็นต์ต่อหุ้นเท่านั้น
โดยรายได้ของบริษัทในไตรมาสนี้มีมูลค่า 12.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์จากยอดเดิมในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (เคยทำได้ 11.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และสูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดการณ์เอาไว้ด้วย จำเลยของไตรมาสนี้จึงพุ่งเป้าไปที่การเปิดตัววิสต้า และออฟฟิศ 2007 ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ผลกำไรต้องลดลงนั่นเอง
คริส ลิดเดลล์ ผู้บริหารฝ่ายการเงินของไมโครซอฟท์กล่าวว่า "ผลประกอบการในไตรมาสนี้ดีกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้ ทั้งในส่วนของรายได้ที่มีการเติบโตสูง" พร้อมกันนี้ยังได้เปิดเผยถึงตัวเลขรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Xbox 360, Microsoft SQL Server 2005, Visual Studio 2005 และ Microsoft Dynamics CRM 3.0 ว่าสามารถทำรายได้ให้กับบริษัทได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับเควิน เทอร์เนอร์ ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการของไมโครซอฟท์กล่าวว่า "ทีมงานด้านการตลาดทำงานได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ด้านผลตอบรับจากผู้บริโภคก็เป็นไปในแง่บวก ทั้งนี้ไมโครซอฟท์จึงได้เร่งทำตลาดสำหรับวินโดวส์วิสต้า และออฟฟิศ 2007 อย่างเต็มกำลัง"
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ วิสต้า และออฟฟิศ 2007 เป็นซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดของไมโครซอฟท์ที่ได้มีการเปิดตัวเวอร์ชันสำหรับองค์กรธุรกิจไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ว่าในส่วนของตลาดคอนซูเมอร์กลับยังต้องรอจนถึงเดือนมกราคมในปีนี้ ความล่าช้าดังกล่าวส่งผลให้ แผนกไมโครซอฟท์ไคลเอนต์ มียอดขายลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 2.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่แผนกธุรกิจของบริษัทซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์กลุ่มออฟฟิศ (Office) มียอดขายลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 3.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ยอดขายที่ลดลงดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต่างคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แถมยังส่งผลกระทบต่อยอดขายคอมพิวเตอร์พีซีอีกด้วย โดยทางการ์ทเนอร์ และไอดีซี สองบริษัทนักวิเคราะห์ชื่อดังรายงานยอดขายพีซีในช่วงไตรมาสปลายปีพบว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ แต่ในสหรัฐอเมริกากลับมียอดขายลดลง
แผนกที่เข้ามากู้ชีวิตไมโครซอฟท์ในครั้งนี้เป็นแผนกที่ดูแลสินค้าเพื่อความบันเทิง โดยแผนกดังกล่าวสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 76 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นตัวเลข 2.96 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ในแผนกได้แก่เครื่องเล่นเกม Xbox 360 และเกม Gears of War ที่สามารถขึ้นแท่นเกมขายดีได้ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาด้วย
อย่างไรก็ดี ลิดเดลล์ ได้ตั้งความหวังเอาไว้ว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดียิ่งของไมโครซอฟท์ และผลประกอบการในไตรมาสนี้ก็คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.7 - 14 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ 45 - 46 เซ็นต์ต่อหุ้น โดยธุรกิจที่กำลังไปได้สวย ได้แก่ ธุรกิจการโฆษณาผ่านเว็บที่มาจากบริการเสิร์ช Live (แม้ว่าจะยังไม่สามารถเทียบชั้นกับกูเกิลและยาฮูได้ก็ตาม)
เหตุที่ยังห่างชั้นเป็นเพราะว่า ส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจเสิร์ชเอนจินของไมโครซอฟท์นั้นมีแค่ 10.5 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้เว็บในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีก่อนหน้าด้วย
Company Related Links :
Microsoft